พระพุทธศาสโนวาทบางข้อ
จัดเป็นหมวดตามลำดับจำนวน
<><>
http://www.seameo.org/vl/buddhist/budd6.htm
จัดเป็นหมวดตามลำดับจำนวน
หมวดธรรมข้อเดียว
| |
๑.
|
จิตที่มิได้อบรม เป็นไปเพื่อความเสียหายอันยิ่งใหญ่
|
๒.
|
จิตที่อบรมแล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่
|
๓.
|
ความประมาท เป็นไปเพื่อความเสียหายอันยิ่งใหญ่
|
๔.
|
ความไม่ประมาท เป็นไปเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่
|
๕.
|
การไม่พิจารณาโดยแยบคาย เป็นไปเพื่อความเสียหายอันยิ่งใหญ่
|
๖.
|
การพิจารณาโดยแยบคาย เป็นไปเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่
|
หมวดธรรมสองข้อ ๑. ธรรมมีอุปการะมาก ๒ ๑. สติ ความระลึกได้ ๒. สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ๒. ธรรมคุ้มครองโลก ๒ ๑. หิริ ความละอายใจ (ที่จะทำความชั่ว) ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัว (ที่จะทำความชั่ว) |
๓. | ธรรมทำให้งาม ๒ | |
๑. | ขันติ ความอดทน | |
๒. | โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม | |
๔. | ธรรมทำให้ประเสริฐ ๒ | |
๑. | วิชชา ความรู้ดี | |
๒. | จรณะ ความประพฤติดี | |
๕. | ธรรมที่นำไปสู่ความดับทุกข์ ๒ | |
๑. | สมถะ ความสงบระงับแห่งจิต | |
๒. | วิปัสสนา ปัญญาอันเห็นแจ่มแจ้ง | |
๖. | ธรรมที่นับเป็นความดับทุกข์ ๒ | |
๑. | วิชชา ความรู้ดี | |
๒. | วิมุตติ ความหลุดพ้น | |
๗. | คนดีประกอบด้วยธรรม ๒ | |
๑. | กตัญญุตา ความเป็นผู้รู้คุณ | |
๒. | กตเวทิตา ความเป็นผู้ตอบแทนคุณ | |
หมวดธรรมสามข้อ | ||
๑. | พระรัตนตรัย หรือสิ่งมีค่า ๓ | |
๑. | พระพุทธ ท่านผู้ตรัสรู้ดี | |
๒. | พระธรรม ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และสั่งสอน | |
๓. | พระสงฆ์ หมู่พระสาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอน) | |
๒. | หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ๓ ข้อ | |
๑. | เว้นความชั่วทั้งปวง | |
๒. | บำเพ็ญความดี | |
๓. | ชำระจิตของตนให้สะอาด | |
๓. | หลักการศึกษาทางพระพุทธศาสนา หรือสิกขา ๓ | |
๑. | การศึกษาเรื่องศีล (สีลสิกขา) คือ ความประพฤติทางกาย วาจา | |
๒. | การศึกษาเรื่องจิต (จิตตสิกขา) คือ การทำจิตให้สงบ | |
๓. | การศึกษาเรื่องปัญญา (ปัญญาสิกขา) คือ ความรู้แจ้งเห็นจริง | |
๔. | บุญกิริยาวัตถุ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ ๓ | |
๑. | การเอื้อเฟื้อให้ปัน (ทาน) | |
๒. | ความประพฤติดีทางกาย วาจา (ศีล) | |
๓. | การอบรมจิตและปัญญา (ภาวนา) | |
๕. | ความประพฤติชอบหรือสุจริต ๓ | |
๑. | ความประพฤติชอบทางกาย (กายสุจริต) | |
๒. | ความประพฤติชอบทางวาจา (วจีสุจริต) | |
๓. | ความประพฤติชอบทางใจ (มโนสุจริต) | |
หมวดธรรมสี่ข้อ | ||
๑. | ความจริงอันประเสริฐ หรืออริยสัจ ๔ ประการ | |
๑. | ทุกข์ (ทุกข์) | |
๒. | เหตุให้เกิดทุกข์ (สมุทัย) | |
๓. | ความดับทุกข์ (นิโรธ) | |
๔. | ทางหรือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ (มรรค) | |
๒. | อธิษฐานธรรม (ธรรมที่ควรไว้ในใจ) ๔ | |
๑. | ปัญญา พิจารณาเหตุผล | |
๒. | สัจจะ จริงวาจาและจริงใจ | |
๓. | จาคะ การสละสิ่งที่ชั่วหรือผิดพลาด | |
๔. | อุปสมะ ความสงบระงับ | |
๓. | อิทธิบาท (คุณธรรมที่ทำให้บรรลุความสำเร็จ) ๔ | |
๑. | พอใจในสิ่งนั้น (ฉันทะ) | |
๒. | เพียรพยายามในสิ่งนั้น (วิริยะ) | |
๓. | เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น (จิตตะ) | |
๔. | พิจารณาสอบสวนในสิ่งนั้น (วิมังสา) | |
๔. | พรหมวิหาร (ธรรมประจำใจของผู้ประเสริฐ) ๔ | |
๑. | ไมตรีจิตคิดจะให้เป็นสุข (เมตตา) | |
๒. | คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ (กรุณา) | |
๓. | พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี (มุทิตา) | |
๔. | วางใจเป็นกลางไม่ลำเอียง (อุเบกขา) | |
๕. | สังคหวัตถุ (ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งการสงเคราะห์) ๔ | |
๑. | เอื้อเฟื้อให้ปัน (ทาน) | |
๒. | พูดจาอ่อนหวาน (ปิยวาจา) | |
๓. | บำเพ็ญประโยชน์ (อัตถจริยา) | |
๔. | วางตัวให้เข้ากันได้ ไม่ยกตนข่มท่าน (สมานัตตตา) | |
๖. | ความเพียรชอบ ๔ | |
๑. | เพียรระวังความชั่วความผิดพลาด | |
๒. | เพียรละเว้นความชั่วความผิดพลาด | |
๓. | เพียรทำคุณงามความดีให้เกิดขึ้น | |
๔. | เพียรรักษาคุณงามความดีไว้ไม่ให้เสื่อม | |
หมวดธรรมห้าข้อ | ||
๑. | ธรรมะที่ทำให้อาจหาญมั่นใจในตนเอง (เวสารัชชกรณธรรม) ๕ | |
๑. | เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ (ศรัทธา) | |
๒. | มีความประพฤติดี (ศีล) | |
๓. | มีความรู้ดี ศึกษาหาความรู้ (พาหุสัจจะ) | |
๔. | มีความขยันหมั่นเพียร (วิริยารัมภะ) | |
๕. | ใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผล (ปัญญา) | |
๒. | ธรรมะที่เป็นกำลัง (พลธรรม) ๕ | |
๑. | เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ (ศรัทธา) | |
๒. | มีความเพียร (วิริยะ) | |
๓. | มีสติควบคุม (สติ) | |
๔. | มีใจตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน (สมาธิ) | |
๕. | ใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผล (ปัญญา) | |
๓. | ความเจริญแบบอารยะ (อริยวัฑฒิ) ๕ | |
๑. | เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ (ศรัทธา) | |
๒. | มีความประพฤติดี (ศีล) | |
๓. | มีความรู้ดี (สุตะ) | |
๔. | เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ปัน (จาคะ) | |
๕. | ใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผล (ปัญญา) | |
๔. | ศีล ๕ (คู่กับธรรม ๕) | |
๑. | เว้นจากการฆ่า | |
๒. | เว้นจากการลักขโมย | |
๓. | เว้นจากการประพฤติผิดในกาม | |
๔. | เว้นจากการพูดปด | |
๕. | เว้นจากสิ่งเสพติดหรือเครื่องดองของเมา | |
๕. | ธรรม ๕ (คู่กับศีล ๕) | |
๑. | มีความปรารถนาดีไมตรีจิต | |
๒. | ประกอบอาชีพสุจริต | |
๓. | สำรวมในกาม | |
๔. | พูดคำสัตย์จริง | |
๕. | มีสติสำรวมระวัง | |
หมวดธรรมหกข้อ | ||
ธรรม ๖ ข้อ ที่สร้างความกลมเกลียวและสามัคคี (สาราณียธรรม ธรรมะ ที่ทำให้ระลึกถึงกัน) | ||
๑. | แสดงไมตรีจิตด้วยพฤติกรรมทางกาย | |
๒. | แสดงไมตรีจิตด้วยพฤติกรรมทางวาจา | |
๓. | มีไมตรีจิตทางความนึกคิด | |
๔. | เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ปัน | |
๕. | มีระเบียบวินัยร่วมกับคนอื่น | |
๖. | มีความเห็นที่ถูกต้องร่วมกับคนอื่น | |
หมวดธรรมเจ็ดข้อ
| ||
๑. | สัปปุริสธรรม หรือธรรมของคนดี ๗ | |
๑. | การรู้เหตุ | |
๒. | การรู้ผล | |
๓. | การรู้ตน | |
๔. | การรู้ประมาณ | |
๕. | การรู้กาลเวลา | |
๖. | การรู้ประชุมชน | |
๗. | การรู้ปัจเจกบุคคล | |
๒. | สัปปุริสธรรม ๗ หรือธรรมของคนดีอีกอย่างหนึ่ง | |
๑. | ความเชื่ออย่างมีเหตุผล (ศรัทธา) | |
๒. | ความละอายต่อความชั่ว (หิริ) | |
๓. | ความเกรงกลัวต่อความชั่ว (โอตตัปปะ) | |
๔. | ความรู้หรือการศึกษาดี | |
๕. | ความเพียร | |
๖. | สติ | |
๗. | ปัญญา | |
๓. | อริยทรัพย์ หรือทรัพย์ประเสริฐ ๗ อย่าง | |
๑. | ความเชื่ออย่างมีเหตุผล | |
๒. | ความประพฤติดีมีศีล | |
๓. | ความละอายต่อความชั่ว | |
๔. | ความเกรงกลัวต่อความชั่ว | |
๕. | ความรู้หรือการศึกษาดี | |
๖. | เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ | |
๗. | ปัญญา | |
๔. | วัตตบท ๗ เหมาะสำหรับบุคคลผู้เป็นหัวหน้า | |
๑. | เลี้ยงดูบิดามารดา | |
๒. | อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล | |
๓. | พูดจาอ่อนหวานผูกมิตร | |
๔. | เว้นจากการพูดยุยงหรือส่อเสียดให้แตกร้าว | |
๕. | ขจัดความตระหนี่ | |
๖. | มีสัจจะ | |
๗. | ระงับหรือควบคุมความโกรธ | |
หมวดธรรมแปดข้อ | ||
๑. | โลกธรรม หรือธรรมประจำโลก ๘ ประการ | |
๑. | ได้ลาภ | |
๒. | เสื่อมลาภ | |
๓. | ได้ยศ | |
๔. | เสื่อมยศ | |
๕. | สรรเสริญ | |
๖. | นินทา | |
๗. | สุข | |
๘. | ทุกข์ | |
๒. | อริยมรรค หรือหนทางอันประเสริฐ ๘ ประการ | |
๑. | ปัญญาเห็นชอบ (สัมมาทิฎฐิ) | |
๒. | ความดำริหรือความคิดชอบ (สัมมาสังกัปปะ) | |
๓. | วาจาชอบ (สัมมาวาจา) | |
๔. | การกระทำชอบ (สัมมากัมมันตะ) | |
๕. | การเลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) | |
๖. | ความเพียรชอบ (สัมมาวายามะ) | |
๗. | การระลึกชอบ (สัมมาสติ) | |
๘. | การทำใจให้ตั้งมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) |
คุณธรรมเหล่านี้อาจย่อได้ลงในหลัก ๓ ประการ กล่าวคือ ปัญญาเห็นชอบ ความดำริหรือความคิดชอบ ย่อลงใน ปัญญา การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ย่อลงใน ศีล ส่วนความเพียรชอบ การระลึกชอบและการทำใจ ให้ตั้งมั่นชอบ ย่อลงใน สมาธิ |
หมวดธรรม ๙ ข้อ | ||
พระคุณของพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธคุณ ๙ ประการ | ||
๑. | ทรงเป็นพระอรหันต์ผู้ไกลกิเลส | |
๒. | ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ | |
๓. | ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชา (ความรู้) และจรณะ (ความประพฤติ) | |
๔. | เสด็จไปดี (เพื่อทรงทำประโยชน์ทุกแห่ง) | |
๕. | ทรงเป็นผู้รู้จักและรู้เท่าทันโลก | |
๖. | ทรงเป็นผู้ฝึกคนอย่างยอดเยี่ยม | |
๗. | ทรงเป็นพระศาสดาแห่งเทพและมนุษย์ | |
๘. | ทรงตรัสรู้สัจธรรม | |
๙. | ทรงเป็นผู้มีโชค (เพราะทรงสร้างหรือกระทำแต่สิ่งดีงามอันเป็นเหตุแห่งโชค) | |
หมวดธรรม ๑๐ ข้อ | ||
ทางแห่งการกระทำอันดีงาม (กุศลกรรมบถ) ๑๐ ประการ | ||
๑. | เว้นจากการฆ่า | |
๒. | เว้นจากการลักขโมย | |
๓. | เว้นจากการประพฤติผิดในกาม | |
๔. | เว้นจากการพูดปด | |
๕. | เว้นจากการพูดยุยงหรือส่อเสียดให้แตกร้าว | |
๖. | เว้นจากพูดคำหยาบ | |
๗. | เว้นจากพูดเพ้อเจ้อหรือไร้สาระ | |
๘. | ควบคุมหรือลดละความโลภ หรือความคิดอยากได้ของผู้อื่น | |
๙. | ควบคุมหรือลดละความโกรธ หรือความพยาบาท | |
๑๐. | ควบคุมหรือลดละความหลง หรือความเห็นผิดทำนองคลองธรรม |
กุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ นี้ ข้อ ๑ ถึง ๓ จัดเป็นกายสุจริต ข้อ ๔ ถึง ๗ จัดเป็นวจีสุจริต ข้อ ๘ ถึง ๑๐ จัดเป็นมโนสุจริต เพราะฉะนั้น ทางแห่งการกระทำ อันดีงามหรือกุศลกรรมบถ ทั้ง ๑๐ นี้ จึงจัดเป็นกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต |
http://www.seameo.org/vl/buddhist/budd6.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น